จัดงานแต่งแบบไม่มีแพลนเนอร์ ไม่ยากอย่างที่คิด

‘จัดงานแต่งทั้งที เราก็ต้องทุ่มหน่อย’ เพราะประโยคนี้แหละครับ เราก็เลยไม่คุยเรื่องงบกันมาก แต่ใช้วิธีวางแผนทางการเงินเอาครับ ด้วยความที่เราเตรียมงานล่วงหน้ากันเป็นปี ทำให้มีระยะเวลาพอที่จะเตรียมตัวและเฉลี่ยงบได้สบายๆ ครับ

ในขั้นแรกของการเตรียมงานแต่ง เราหาฤกษ์จัดงานกันก่อนเพื่อให้บางร้านที่จำเป็นต้องใช้วันที่จัดงานตรวจสอบคิวสามารถเช็คได้ เช่น สถานที่ หรืองานตกแต่ง ซึ่งพอได้ฤกษ์มาก็ตัดสินใจหาสถานที่จัดงานแต่งเป็นลำดับถัดไปโดยเน้นเป็นแถวใกล้บ้าน และเลือกจากการลองคำนวณจำนวนแขก ดูว่าที่ไหนสามารถรองรับได้พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ตอนนั้นเราได้ยินมาว่าที่โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ (Grand Richmond Hotel) มีการรีโนเวทใหม่เลยเข้ามาดูเป็นที่แรกเพราะใกล้บ้านที่สุด พอเข้าไปข้างในก็ประทับใจในความสวยและความหรูหรามากครับ ที่จอดรถเยอะแถมเป็นแบบในร่มด้วย รู้สึกชอบมาก จึงตัดสินใจจองสถานที่จัดงานแต่งที่นี่เลยไม่ดูที่อื่นต่อแล้ว หลังจากนั้นเราก็ได้รับการแนะนำร้านที่เราต้องหาต่อไปเป็นทอดๆ ครับ 

เราได้เซลล์คุณนิวเป็นคนที่คอยดูแลงานของพวกเรา ซึ่งคุณนิวน่ารักมาก เป็นเซลล์ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เขาไม่รำคาญที่จะตอบเราไม่ว่าจะถามอะไร จะคอยอธิบายเป็นข้อๆ แบบละเอียดให้จนกว่าจะเข้าใจ คอยถาม คอยตามงานว่ามีอะไรที่เรายังไม่ได้เตรียมบ้าง พวกเราไม่ได้จ้างแพลนเนอร์ แต่รู้สึกเหมือนมีคุณนิวเป็นแพลนเนอร์ท่านหนึ่งเลยครับ เลยต้องรีบดักไว้ก่อนว่าตอนงานแต่งผมคุณนิวยังอยู่ใช่ไหมครับ เพราะจองไว้นานมาก กลัวถึงวันงานเซลล์ที่ดูแลจะไม่อยู่แล้ว (หัวเราะ) การดูแลของคุณนิวเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราประทับใจมากครับ

แพ็กเกจที่มาแต่ตัวก็จัดงานได้มีอยู่จริง

สำหรับงานหมั้นผมใช้แพ็กเกจ All Inclusive ของทางโรงแรมที่ได้รับการแนะนำ เป็นแพ็กเกจที่ทำให้ผมรู้สึกสะดวกสบายมากๆ เอาแค่ตัวไปก็จัดงานได้จริงๆ สะดวกสบายขนาดที่หลังจากแต่งหน้าลงมาก็เจอพระท่านรออยู่แล้ว ทั้งของถวาย และการนิมนต์พระ ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้หมด รอแค่ให้บ่าวสาวพร้อมก็สามารถเริ่มพิธีได้เลย คุณแม่บอกว่าโรงแรมเตรียมความพร้อมไว้ได้ดีมากๆ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เรายังรู้สึกประทับใจจนคุณแม่ของเจ้าสาวอยากให้ลูกอีกคนไปจัดที่โรงแรมอีกครั้งด้วยครับ

ห้องจัดงาน Private ถูกใจไม่ต้องกลัวงานชน

นอกจากเรื่องของความสวยงามแล้ว พวกเราเน้นในเรื่องของความไพรเวทกับห้องที่ให้ความรู้สึกว่าโล่งโปร่งไม่อึดอัด งานของเราจัดเป็นงานเช้าฉลองเที่ยง ผมมองว่าผังการเดินทางของแขกควรต้องมีการเคลื่อนที่สะดวก ไม่งง ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้วพวกเราเลือกจัดพิธีหมั้นขึ้นที่ห้อง Topaz ที่อยู่ชั้น 2 และจัดงานเลี้ยงฉลองในห้องชั้น 4 Diamond Ballroom ที่ไม่ได้ไกลจากกันนักและพื้นที่มีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวงานอื่นมาชน

ที่เลือกห้อง Topaz ในการจัดพิธีหมั้นเพราะผมรู้สึกว่าพื้นที่ของห้องมีความเป็นสัดส่วน เพดานดูโปร่ง และมีพื้นที่หน้าห้องสำหรับการใช้งาน เช่น แห่ขันหมาก หรือจัดโต๊ะสำหรับให้แขกนั่งพักรับประทานขนม ชา กาแฟ ได้ ที่ชอบที่สุดก็คือเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เดินทางไม่ยาก

ส่วนห้อง Diamond Ballroom ก็เช่นกัน ผมชอบที่มีความเป็นไพรเวทเหมือนเหมาชั้น ตัวห้องมีความโปร่ง เพดานสูง และมีจอ LED ที่กว้าง คิดว่าตอนใช้งานภาพออกมาน่าจะดูอลังการ ทั้งสองห้องตอบโจทย์มากๆ กับความต้องการของพวกเราครับ

ดีไซน์จากทีมตกแต่งมืออาชีพ ความชอบแตกต่างที่ลงตัวได้

เรื่องของการตกแต่ง ตอนแรกเราลังเลในเรื่องของการเลือกสีมาก เพราะเจ้าบ่าวอยากได้เป็นเอิร์ธโทน แต่ใจของเจ้าสาวถือคติ ‘จะถูกจะแพง แดงไว้ก่อน’ ทีม Fordeara จึงเข้ามาแนะนำว่าดีไซน์แบบไหน หรือโทนสีแบบใดถ่ายรูปออกมาสวย การเลือกขนาดของ Backdrop ก็เช่นกัน เราอยากให้ภาพถ่ายออกมาดูเต็มๆ อลังการ เขาเลยแนะนำให้ทำสูงสัก 3.6 เมตร พูดคุยหลายอย่างเลยครับจนได้ข้อสรุปที่ลงตัว โดยรวมแล้วพวกเราชอบที่ทางร้านคอยดูแลและติดตามงานอย่างใกล้ชิดมากครับ

ส่วนการออกแบบเรื่องต่างๆ ภายในงาน เราใช้วิธีลองดู Ref.จากหลายๆ งานแต่ง เช่น กิจกรรมต่างๆ ที่แขกจะได้ร่วมสนุก หาไปหามาก็นึกได้ว่าในงานของเพื่อนมีเกมโทรหาแขกเพื่อแจกของรางวัล เรารู้สึกว่าดูสนุกดี เลยได้จบที่เกมโทรหาแขกนี่แหละครับ บ่าวสาวได้ทำกิจกรรม แขกได้ร่วมสนุก รู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ดีเลยครับ 

ใช้จอ LED ครีเอทบรรยากาศภายในงาน

การเลือกภาพขึ้นจอเราให้เราดูว่าอยากได้บรรยากาศแบบไหน โมชั่นแบบใดที่สร้างบรรยากาศได้ดี ยิ่งฉากตัดเค้กเราอยากให้ดูอลังการก็เลยเลือกพวกพลุเป็นฉากหลัง ส่วนนี้ก็ได้รับคำแนะนำจากทีม Hom-Whan Wedding เป็นอีกหนึ่งทีมให้คอยให้คำแนะนำพวกเราครับ

เมนูโต๊ะจีนอร่อยบอกต่อ

งานของเรามีแขกผู้ใหญ่เยอะ เลยอยากได้โต๊ะนั่ง จึงเลือกเป็นโต๊ะจีน ตอนจบงานได้รับคำชมมาเยอะมากว่ากระเพาะปลาอร่อยมาก อร่อยจนเพื่อนบอกว่าไปเอาของโต๊ะข้างๆ ที่ไม่มีคนนั่งมาด้วย (หัวเราะ) ซึ่งนอกจากโต๊ะจีนแล้วเราพึ่งมารู้ทีหลังว่าอาหารแบบ Buffet ของที่นี่ก็จัดแบบมีโต๊ะนั่งให้แขกเช่นกัน แอบเสียดายนิดหน่อยเพราะชอบรูปแบบอาหารแบบบุฟเฟ่ต์มากกว่า แต่เมนูโต๊ะจีนก็รู้สึกประทับใจเหมือนกันครับ

ของชำร่วยเก๋ๆ ใช้ได้ในชีวิตประจำวันจากความใส่ใจที่อบอุ่น

ถ้าจะมีเรื่องอะไรที่ติดปัญหาก็คงจะเป็นเรื่องของชำร่วยที่เลือกเป็นแก้วพลาสติกนี่แหละครับ เราได้ไอเดียนี้มาจากงานแต่งของเพื่อนที่ใช้ของชำร่วยเป็นแก้วแบบมีฝามีหลอด รู้สึกว่าใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เวลาเราไปงานแต่งมักรู้สึกว่าของที่แจกบางครั้งเราไม่ได้ใช้ก็เลยมองข้ามไม่หยิบ ไม่สนใจ เลยคิดว่าตอนงานเราเลือกของที่ใช้ได้จริงดีกว่าไหม บางคนอาจจะคิดอีกแบบว่าของชำร่วยเป็นของที่ทำมาเพื่อให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่พวกเราคิดว่าไหนๆ จะทำแล้วก็อยากให้แขกได้ใช้มากกว่า

ติดแค่ว่าลืมคิดตอนต้องนำไปโรงแรม เพราะขนาดมันใหญ่ จำนวนก็เยอะ ตอนนั้นเตรียมไป 300 ชิ้นได้ แบกกันไปทีจึงหนักมาก ทำให้เริ่มคิดได้ว่าทำไมคนอื่นเขาเอาของเล็กๆ กัน มิน่าบางคนเอาสมุดโน้ตเล็กๆ ลังเดียวจบ ของเราเหมือนขนกระสอบ 4-5 รอบ (หัวเราะ) แต่ก็เป็นความตั้งใจเล็กๆ ที่เราอยากให้แขกได้ของที่ใช้ได้จริงครับ

เลือกจากที่ใช่ วางแผนงานจากคำแนะนำ

โดยพื้นฐานแล้วการเลือกสิ่งจำเป็นต่างๆ ในงานแต่งก็อิงมาจากความชอบของพวกเรา เราไม่ได้จ้างแพลนเนอร์ มีแค่ออแกไนซ์ แล้วก็เตรียมกันเอง ซึ่งที่เรารู้สึกว่าไม่ได้ยากนักอาจเพราะได้ทางโรงแรมคอยแนะนำดูแล เรารู้สึกว่าแพทเทิร์นที่โรงแรมถามว่ายังขาดอะไรบ้าง ต้องเตรียมอะไรบ้างก็คือรูปแบบการเตรียมงานของแพลนเนอร์ท่านหนึ่ง และเราก็ได้รับการดูแลจากหลายฝ่ายโดยร้านพาร์ทเนอร์ของทางโรงแรมที่เราไปใช้บริการ ทำให้รู้สึกเหมือนมีที่ปรึกษาหลายคนครับ

คำแนะนำจากบ่าวสาว

ตรวจสอบจำนวนแขกเพื่อคำนวณงบ : เพื่อหาห้องที่สามารถรองรับแขกได้ เราต้องประมาณแขกไว้ก่อนว่าเพื่อนของเรามีเท่าไหร่ เพราะขนาดของห้องที่เลือกจัดงานควรจะพอดีกับจำนวนแขก ไม่แน่นหรือใหญ่เกินไป

การ์ดเชิญออนไลน์ช่วยเซฟงบได้ : สมัยนี้การส่งการ์ดทางออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะค่อนข้างสะดวก  การ์ดปริ้นเราก็สั่งทำแค่เท่าที่จำเป็นสำหรับแขกที่ไม่สะดวกรับทางออนไลน์ แบบนี้เราก็จะประหยัดงบได้มากขึ้น

เตรียมงานเร็วก็ยิ่งมีเวลาจัดสรรงบ : เราอยากทุ่มเต็มที่กับงานแต่ง จึงเลือกการจัดสรรงบโดยการเตรียมงานแต่เนิ่นๆ โดยเริ่มจากการหาฤกษ์ก่อน เพื่อให้บางร้านที่เราไปจองสามารถตรวจสอบคิวงานได้ จากนั้นก็คำนวณช่วงเวลาที่จะได้สิ่งที่จองไว้ ค่อยๆ เรียงลำดับว่าแต่ละร้านต้องใช้งบเท่าไหร่ และต้องใช้เวลาแค่ไหน เพราะเราเริ่มเตรียมงานเร็ว จึงมีเวลาบริการงบประมาณมากตามไปด้วย