บรีมต้องย้อนไปตอนที่เรากำลังหาสถานที่แต่งงาน เริ่มจากมีรุ่นพี่ของเจ้าบ่าว(คุณไฮน์) แต่งงานที่ Grand Richmond Hotel พอดี คุณไฮน์จึงเห็นภาพงานแต่งของรุ่นพี่ในโซเซียล แล้วมาบอกบรีมว่าโรงแรมนี้สวย ด้วยการตกแต่งห้อง ไฟต่างๆ องค์ประกอบโดยรวมถูกใจเรา เรื่องการเดินทางก็สะดวกด้วยค่ะ ตัวบรีมเองเป็นคนระยอง ญาติฝังแม่อยู่พังงา ส่วนคุณไฮน์เป็นคนสระบุรี เราจึงพยายามหาสถานที่ที่เป็นจุดตรงกลาง เพื่อให้ญาติและแขกทุกท่านเดินทางมาง่ายที่สุด จึงมองหาโรงแรมโซนกรุงเทพฯ ส่วนแขกต่างจังหวัดนั่งเครื่องบินมาลงดอนเมือง สะดวกมากๆ เราจึงตัดสินใจเลือกโรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ค่ะ 

งานของเราเป็นหมั้นเช้าฉลองเที่ยง บรีมเลือกหมั้นห้องซิทรีน1-2-3 โดยตั้งธีมสีงานไว้เป็นสีขาวเขียว เน้นสบายตา ดอกไม้ทั้งงานก็จะเป็นสีขาวแซมส่วนที่เป็นใบไม้สีเขียวค่ะ ส่วน Dress Code ของงานจะเป็นธีมสีเดียวกับงานฉลองเที่ยงเลยค่ะ คือโทนสีชมพู เบจและน้ำตาล

สำหรับชุดเจ้าสาว ช่วงพิธีสงฆ์บรีมเลือกเป็นชุดไทยสีชมพูอมน้ำตาล ด้วยความที่ไม่อยากให้ลุคออกมาหวานมากเกินไป บรีมจึงไม่เลือกชุดที่เป็นสีชมพู แต่เลือกเป็นชุดที่มีสีชมพูอมน้ำตาลเพื่อเบรกความหวานลงค่ะ ส่วนช่วงพิธีหมั้นจะเป็นชุดเดรสยาวสีขาวค่ะ

รูปแบบงานของเราเริ่มจากพิธีสงฆ์ พิธีหมั้น ต่อด้วยพิธียกน้ำชา จริงๆ เราตั้งใจมีรดน้ำสังข์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รดน้ำสังข์ เนื่องด้วยญาติเรามาเยอะ แล้วจะต้องรีบไปงานฉลองเที่ยงต่อ เลยต้องทำเวลานิดนึงค่ะ จริงๆ ทางโรงแรมช่วยควบคุมงานได้ดีนะคะ แต่ว่าญาติเราเยอะมาก เลยทำให้เวลางานช่วงเช้าต้องยืดออกไปนิดหน่อย ส่วนช่วงงานเลี้ยงโรงแรมก็ได้แนะนำทีม VAS Wedding Planner  มาช่วยรันคิวและคอนโทรลแขกในงานให้ด้วย ทุกอย่างก็เลยออกมาโอเค แม้แขกจะมามากกว่าที่คิดไว้ค่ะ

สำหรับงานเลี้ยงฉลองตอนเที่ยง ด้วยเรามีจำนวนแขก 530 ท่าน จึงเลือกจัดที่ห้อง Richmond Grand Ballroom ที่มีความโอ่โถง กว้างขวาง ซึ่งการตกแต่งโดยรวมงานช่วงนี้เรามีการหาเรฟตกแต่งมุมต่างๆ ไปให้ทีมตกแต่งเพื่อให้ได้มุมถ่ายภาพที่เราต้องการด้วยค่ะ โดยเราจะเน้นเป็นโทนสีน้ำตาลอ่อนกึ่งเทา เน้นตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว เพราะเจ้าสาวชอบดอกไม้ที่เป็นสีขาวมาก แต่ด้วยความที่แบ็คดรอปตอนเช้าเป็นสีขาวแล้ว เราเลยเปลี่ยนสีแบ็คดรอปงานเลี้ยงเป็นสีน้ำตาลอ่อนตามธีม แล้วอิงดอกไม้สีขาวแซมใบเขียวเหมือนเดิม เพื่อให้ไปซ้ำกับตอนเช้าเกินไปค่ะ

งานเราใช้ออแกไนซ์ตกแต่งจาก Seethrough ค่ะ การเลือกออแกไนซ์เป็นเรื่องที่เราก็ค่อนข้างกังวลมาก รีเสิร์ชเยอะมาก เพราะเคยเห็นข่าวเกี่ยวกับออแกไนซ์ทิ้งงานแต่งมาเยอะ แต่แล้วก็มีเพื่อนหลายคน ที่เขาเคยใช้บริการ Seethrough  เขาแนะนำมาว่าไม่ทิ้งแน่นอน จากนั้นเราไปดูตามงานเวดดิ้งแฟร์ แล้วเลือกเลยค่ะ

เรื่องของชำร่วย  เราดูมาหลายอย่างเลยค่ะ เช่น เทียน โดยส่วนตัวบ่าวสาวชอบนะคะ แต่สุดท้ายเราได้ปรึกษาผู้ใหญ่ด้วย ได้ความเห็นว่าถ้าเป็นเทียนบางคนเขาไม่ได้ใช้ ซึ่งเราอยากให้ของที่แขกจะนำไปใช้งานได้จริงๆ แล้วจึงเกิดไอเดียจากที่ทางบ้านผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งและตัวบ่าวสาวเองชอบใช้กระเป๋ากระจูดสาน จึงเลือกของชำร่วยเป็นกระเป๋ากระจูดค่ะ

ในส่วนของช่างภาพ เราจ้างทั้งกล้องหลักและแคนดิต เพราะรู้สึกว่างานแต่งมีแค่ครั้งเดียวในชีวิต ถ้าไม่ได้เลือกทีมที่ชอบจริงๆ คงจะเสียดาย โดยทีมหลักจะเป็น กาลนานเธอ The Wedding  และแคนดิตคือคุณโน๊ต ทีม Note Wannasin ค่ะ

ที่เราเลือก 2 ทีม เนื่องด้วยเจ้าบ่าวและเจ้าสาวชอบสไต์การถ่ายภาพที่ไม่เหมือนกัน  เราจึงเริ่มจากมาคุยกันก่อนว่าชอบแบบไหน เจ้าบ่าวชอบสไตล์การถ่ายภาพของกาลนานเธอ บรีมก็ให้เขาเลือก ส่วนบรีมก็จ้างทีมแคนดิตเพิ่ม เพราะบรีมชอบสไตล์แคนดิต มุมเผลอ ของทีมคุณโน๊ต  ซึ่งเราก็ไม่ลืมที่กำหนดบัดเจทที่เราโอเคด้วย โดยจะดูว่าเราสะดวกกับราคาประมาณไหนที่รู้สึกว่าเหมาะสมกับสิ่งที่จะได้ค่ะ

ตอนที่บรีมก้าวเข้ามาในงานเลี้ยงก็เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เราแพลนไว้หมดเลย ทุกฝ่ายจัดเตรียมงานพร้อมเป็นอย่างดี งานเราข้อผิดพลาดน้อยมาก มีแค่ในส่วนของเวลางานเช้าที่ยืดออกมา และทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น ประทับใจมากเลยค่ะ

ถ้าถามว่าช่วงเวลาไหนที่ประทับใจที่สุด ขอเลือกช่วงพิธีหมั้น ที่บรีมนั่งอยู่หน้าบันได แล้วพ่อเจ้าสาวพาเจ้าบ่าวมารับตัว พร้อมทั้งเพื่อนๆ คนใกล้ชิด อยู่ล้อมรอบ กับช่วงงานฉลองที่เจ้าสาวเดินเปิดตัวเข้ามากับพ่อแม่ แล้วเจ้าบ่าวที่รออยู่ในงานเดินมารับเข้าไปในงานด้วยกัน  ตราตรึงใจมากค่ะ

การเตรียมงานทุกอย่างควรเลือกในสิ่งที่เราชอบ เพราะงานแต่งมีครั้งเดียวในชีวิต ถ้าไม่เลือกแบบที่เราต้องการจริงๆ จะมาเสียดายทีหลังได้ค่ะ