ผมไปดูโรงแรมมาหลายที่ครับ แต่เลือกโรงแรม Grand Richmond Hotel เพราะว่าครั้งแรกที่มาดูสถานที่ การตกแต่งดูใหม่สะอาดเอี่ยมสวยดูดี ทำให้ผมรู้สึกประทับใจทันทีเลย รองลงมาคือแพ็กเกจการจัดงานคุ้มค่า และมีตัวเลือกห้องฟังก์ชั่นในการจัดงานค่อนข้างหลากหลาย

สุดท้ายคือทำเลที่ตั้งของโรงแรมสะดวกต่อการเดินทางมากครับ ผมคิดว่าใครที่อาศัยอยู่แถวราชพฤกษ์ นนทบุรี หรือว่าละแวกใกล้เคียง ตรงนี้เป็นทำเลที่ดีเลย  อีกทั้งยังมีแขกเดินทางมาจากในเมืองเยอะ แขกบอกว่าจัดงานที่นี่เดินทางมาร่วมงานสะดวกกว่าจัดในเมือง และมีบางส่วนเขาก็ขึ้น MRT มาได้ สะดวกสบายมาก ๆ ครับ การเลือกที่นี่ถือว่าตอบโจทย์ของเรามาก

รูปแบบการจัดงานของเรา ตอนเช้าเป็นพิธีหมั้นไทยจีน มีแห่ขันมาก ยกน้ำชา รดน้ำสังข์ โดยงานช่วงนี้เราเลือกใช้ห้อง Topaz ที่มีความไพรเวท ซึ่งพอเสร็จพิธีเช้าแล้วเราก็จัดงานเลี้ยงช่วงเที่ยงต่อเลยครับ

ในตอนเที่ยงเราใช้ห้อง Richmond ballroom 2-3 ส่วนตัวผมชอบห้องนี้ ที่ไฟ เพดาน และการตกแต่ง ดูหรู ประทับใจมากครับ ช่วงงานเลี้ยงนี้ แม้แขกจะไม่ได้เยอะ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด เราไม่อยากให้งานแออัด จึงเลือกเปิดใช้ 2 ห้อง เพื่อให้มีพื้นที่รอบโต๊ะไม่แน่นจนเกินไป ส่วนอาหารผมเลือกรูปแบบอาหารเป็นโต๊ะจีน เพราะว่าแขกจะได้มีที่นั่ง งานก็ดูอบอุ่น ซึ่งเรื่องอาหารโดยรวมแล้วแขกชมค่อนช้างเยอะว่าอร่อยครับ

ด้านคอนเซ็ปต์ของการจัดงาน เริ่มจากสถานการณ์โควิดขณะนั้นถึงแม้จะเริ่มซาแล้วยังมีการแพร่เชื้ออยู่ ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนคนที่จะมาร่วมงานด้วย  เราจึงอยากจัดงานให้ออกมาเรียบง่าย แล้วก็อบอุ่นครับ เลยให้ทางผู้จัดงานแต่งแนะนำออแกไนซ์เซอร์ทีมตกแต่งจาก Lamoon Flower สุดท้ายก็ออกมาเป็นธีมงาน Minimal Luxury เรียบหรูครับ โดยคนเลือกคอนเซ็ปต์นี้คือเจ้าสาวครับ เราจัดงานเป็นโทนสีน้ำตาลอิฐโอรส ซึ่งพองานออกมาแล้วสวยเข้ากับตัวโรงแรมมาก

ออแกไนเซอร์เป็นอีกทีมที่สำคัญของงานแต่งมาก ตอนที่เราเลือกออแกไนซ์เซอร์งานนี้ก็เลือกกันหลายทีมเลยครับ มีทีมทำเวที ทำซุ้มดอกไม้ และก็มีทีมงานรันคิว ซึ่งเทคนิคในการเลือกของผมคือจะถามคนจัดงานที่เขามีประสบการณ์ และขอคำแนะนำ ก็จะช่วยให้ได้ทีมที่มืออาชีพได้

แล้วที่ผมอยากแนะนำคือตอนคุยกับออแกไนซ์เซอร์ต้องคุยให้เข้าใจตรงกัน ว่าอยากให้งานออกมาเป็นแบบไหน จะได้ได้งานตามที่ต้องการจริงๆ อย่างออแกไนซ์เซอร์ที่ผมเลือกเราก็คุยกันเยอะ แถมเขายังมีการมาดูหน้างานให้ด้วย งานของผมก็เลยออกมาแบบที่ต้องการ เขาชมว่าตัวสถานที่ที่สวยอยู่แล้วทำให้เขาทำงานได้ง่ายขึ้นด้วยนะครับ เพียงแต่ตกแต่งเสริมไปกับสถานที่ก็สวยเลย ฮ่าๆ

ในส่วนของชำร่วยในงานของเรา เป็นขนมคุกกี้สับปะรดที่คุณแม่ของผมทำเองครับ ซึ่งเป็นขนมที่ทางคุณแม่ผมเคยทำมาแล้วผมว่ามันอร่อย ทางด้านแฟนก็ชอบทาน เลยเอาไปแจกคนในงานด้วย อยากให้แขกคนอื่นได้ทานเหมือนกัน หวังว่าเขาจะประทับใจครับ

ส่วนสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือช่างภาพครับ ช่างภาพที่เราเลือกมาเป็นทีมเดียวกันกับตอนที่ผมถ่ายพรีเวดดิ้ง ผมใช้ทีมเดิมจนมาถึงวันงานเลย ซึ่งเทคนิคในการเลือกช่างภาพของผมคือรีเสิร์ชครับ ผมดูเรฟเฟอร์เร้นท์มาเยอะมาก ดูจากผลงานว่าถ่ายรูปฟีลประมาณไหน ดูลักษณะการถ่ายในสไตล์ที่เราชอบ แต่อยากแนะนำให้โทรคุยกับช่างภาพก่อน เพราะว่าจริงๆ แล้วผมคิดว่าช่างภาพเป็นงานที่ค่อนข้างสำคัญกับงานแต่ง มันคือการเก็บโมเมนต์ เก็บความประทับใจของช่วงเวลานั้น ถ้าเราคุยกันไม่เข้าใจ อาจจะได้ภาพที่ไม่ดีครับ

ความรู้สึกของผมก่อนจัดงาน จะเป็นความรู้สึกว่ามีอะไรกังวลตลอดเวลา ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเตรียมอยู่พร้อมแล้วหรือยัง มันต้องเตรียมอะไรเพิ่มอีกไหม จะมีการคาดหวังกับงานมากน้อยแค่ไหน เพราะเราก็อยากให้งานออกมาดีที่สุด ส่วนความรู้สึกหลังจัดคือโล่งมาก ประทับใจครับ งานก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ถามว่าทุกอย่างออกมาสมบูรณ์ครบถ้วนเหมือนในหัวที่คิดไว้ไหม มันอาจจะไม่ได้เหมือนกับที่คิดไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมว่าทุกอย่างพอมันออกมาแล้ว มันก็กลายเป็นวันที่พิเศษวันนึงของเรา ซึ่งวันพิเศษอันนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง สุดท้ายวันแต่งงานก็เป็นวันที่พิเศษ เป็นวันที่ดีทีสุดแล้วครับ

ผมอยากจะแนะนำว่าควรให้เวลากับการเตรียมตัว เตรียมร่างกาย เตรียมสถานที่ และเตรียมงานให้พร้อม ถ้าเราเตรียมตัวและวางแผนมาดี งานที่เราจัดก็จะราบรื่นขึ้นครับ ซึ่งทางโรงแรมก็มีส่วนช่วยทำให้งานนี้ผ่านไปด้วยดี เซลล์เวดดิ้งที่นี่ดีมาก ถ้าไม่มีเซลล์เวดดิ้งผมคงเหนื่อยและต้องมีเรื่องให้จัดการมากกว่านี้ เขาช่วยประสานงานให้ผมเมื่อต้องการหาทีมออแกไนเซอร์และก็ทีมรันคิวซึ่งงานออกมาดีมากครับ โดยรวมทางโรงแรมเขาเต็มที่กับงานของเรามากๆ และเราเองก็ประทับใจกับงานมากๆ เช่นกัน